ศิลปะพ็อพ อาร์ต เป็นแบบอย่างของศิลปะที่สร้างความตื่นเต้นพุ่งขึ้นมาทันทีทันใดแก่ผู้พบเห็น อันมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับคนทั่วๆไป เป็นเรื่องราวที่แสดงความเป็นอยู่ ศิลปินกลุ่มนี้ล้วนเป็นศิลปินรุ่นหนุ่ม ล้วนมีความคิดแปลกใหม่ ก้าวหน้า มีความเชื่อเกี่ยวกับศิลปะว่า ศิลปะ “สร้างขึ้นมาจากสัพเพเหระของชีวิตปัจจุบัน ในช่วงระยะหนึ่ง เวลาหนึ่ง ซึ่งสะท้อนความรู้พื้นฐานธรรมดา ที่ศิลปินมีส่วนร่วมอยู่ด้วย”
.........พ็อพ อาร์ต คือแนวศิลปะที่เป็นปฏิกริยาโต้ตอบกับศิลปะลัทธิ แอ็บสแตรค เอ็กซ์เพรสชันนิสม์ ซึ่งเน้นการแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึก การแสดงความเป็นส่วนตัว มีแนวงานเป็นของตัวเองและเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ แต่ พ็อพ อาร์ต กลับหยิบยืมเอาสิ่งที่มีอยู่แล้วในท้องตลาด เช่น วัสดุสำเร็จรูป มานำเสนออย่างมีชีวิตชีวา งานของ พ็อพ อาร์ต มักจะมีอารมณ์ขัน ขี้เล่นและชอบเสียดสี เย้ยหยันต่อศิลปะและชีวิต
อ้างอิงจาก http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=warramutra&date=06-05-2008&group=7&gblog=53
ณ กาดกลางเวียง
เหตุผลที่ประทับใจ
ลักษณะรูปร่าง การจัดวางที่ซ้ำๆ และมีสีสันสดใส ดูน่ารับประทาน
การนำเอาวัสดุที่ใช้ในการประกอบอาหารมาจำลองเป็นวัตถุตกแต่ง ซึ่งเหมาะกับการตกแต่งร้านอาหาร โดยใช้วิธีการของPOP ART คือ การใช้รูปทรงและการจัดวางแบบซ้ำๆ แต่ใช้สีสันสดใสที่แตกต่างกัน รวมทั้งสีของพื้นหลังสีโทนมืด ทำให้ผลงานดูเรียบง่ายแต่ มีความโดดเด่น น่าสนใจ มากกว่าการวางวัตถุไว้เดี่ยวๆ
ร้าน The bargin booze
ร้าน The bargin booze
(the beatle) เป็นผลงานที่ได้อิทธิพลมาจาก pop art ซึ่งเป็นการนำภาพของบุคคลที่กำลังเป็นที่นิยมในสมัยนั้นมาดัดแปลงเพื่อให้เกิดความแตกต่าง แปลกใหม่
เมื่อเปรียบเทียบกับผลงานของRoy Lichtenstein และAndy Warhol
ลิชเท็นสไตน์ มีลักษณะเฉพาะตัวด้วยการสร้างงานให้เป็นแนวการ์ตูน เขาหยิบยืมรูปแบบของสิ่งพิมพ์การ์ตูนอุตสาหกรรมที่เล่าเรื่องเป็นช่องๆ มีลักษณะพิเศษอยู่ที่การตัดเส้นภาพลายเส้นด้วยเส้นทึบดำ สร้างสีและน้ำหนักของภาพด้วยการใช้แถบเม็ดสี แถบริ้วสี (เม็ดสกรีนและแพนโทน)
ความเป็นpop art ด้วยสีสันสดใสนี้ ทำให้ภาพดูสบายตา ไม่เคร่งเครียด ให้อารมณ์ ซึ่งเหมาะกับบรรยากาศในร้านอาหารกึ่งบาร์เช่นนี้ ณ ร้านGERASOLE
กาดกลางเวียง
เกิดความประทับใจในผลงานเพราะ ผลงานมีการใช้สีสันสดใส ทำให้ดึงดูดสายตา
ผลงานได้รับอิทธิพลมาจากpop art โดยใช้รูปผักซ้ำๆ เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ แต่มีการเปลี่ยนชนิดของผัก ทำให้น่าสนใจ และการใช้สีสันสดใสทำให้ผักดูน่ารับประทานมากขึ้น ซึ่งทำให้ผลงานสอดคล้องกับเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อ คือ Eat Vegetable daily to enjoy good health.
งาน คิวบิสม์ เป็นสัญลักษณ์และบุคลิกของวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมในโลกสมัยใหม่ ทุกอย่างสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวในพื้นที่แบนๆตื้นๆ แต่ก็มีความลึกและน้ำหนัก เป็นความลึกที่แตกต่างจากพื้นที่ว่างแบบ ศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา (Renaissance, เรอเนอซองส์)
ศิลปินแสวงหาลักษณะเฉพาะให้กับตนเอง ด้วยการแปรผันความเป็นจริงไปสู่รูปทรงเรขาคณิต (ตัดทอนรูปทรงต่างๆให้เหลือเพียงรูปทรงที่บริสุทธิ์ที่สุด นั่นคือรูปทรงเรขาคณิต)
ณ ร้านGERASOLE
กาดกลางเวียง
เหตุผลที่ประทับใจ
เพราะ สะดุดตาตรงการใช้สีของภาพ ซึ่งด้านหนึ่งใช้สีโทนขาวดำ แต่อีกด้านหนึ่งใช้สีที่สดใส ชวนให้ขบคิดถึงจุดประสงค์และอารมณ์ของศิลปินที่ต้องการจะสื่อผ่านงานศิลปะ
ผลงานชิ้นนี้ได้รับอิทธิพลจากลัทธิCUBISM เพราะมีการใช้รูปทรงเรขาคณิตส่วนของสี่เหลี่ยมด้านหลังไวโอลิน แต่เนื่องด้วยการผสมผสานของศิลปะในเวลาต่อมา ส่งผลให้ทั้งผลงานมีความเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่ไม่ชัดเจนมากนัก และมีสร้างtextureบนงานดูมีมิติมากขึ้น
เมื่อเปรียบเทียบกับผลงานของฮวน กรีสซึ่งเป็นศิลปินในลัทธิCUBISM
จะเห็นได้ชัดว่า ผลงานในปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกับผลงานของฮวน กรีส แต่มีการลดทอนความเป็นเรขาคณิตลง เห็นได้จากตัวไวโอลินที่เป็นรูปทรงอิสระ
จะเห็นได้ชัดว่า ผลงานในปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกับผลงานของฮวน กรีส แต่มีการลดทอนความเป็นเรขาคณิตลง เห็นได้จากตัวไวโอลินที่เป็นรูปทรงอิสระ
โครงสร้างวงโค้ง (ARCH)
อาร์ช หรือ โค้ง (arch) คือโครงสร้างลักษณะโค้งที่ใช้รองรับน้ำหนักของสิ่งก่อสร้างด้านบนเหนือตัวมันเอง เทคนิคการสร้างอาร์ชถูกพัฒนาขึ้นในเมโสโปเตเมีย แอสซีเรีย อียิปต์ และ อีทรูเรีย แต่ถูกปรับปรุงและใช้อย่างแพร่หลายในโรมันโบราณ หลังจากนั้นอาร์ชกลายเป็นโครงสร้างสำคัญของอาคารโบสถ์ในศาสนาคริสต์ และในปัจจุบันยังมีการใช้อาร์ชในส่วนของโครงสร้างสะพาน
ประโยชน์ของอาร์ชคือใช้เป็นโครงสร้างในการเชื่อมต่อบริเวณช่องของส่วนโครงสร้างอื่น ออกแบบเพื่อรับแรงอัดในแนวดิ่ง โดยการเปลี่ยนแรงอัดในแนวดิ่งเป็นแรงอัดในแนวระนาบของอาร์ชและถ่ายแรงลงสู่ฐานทั้งสองข้างของอาร์ช
ณ ร้านGERASOLE
กาดกลางเวียง
ได้รับอิทธิพลมจากการเริ่มต้นโครงสร้างวงโค้งของสถาปัตยกรรมตะวันตกสมัยโรมันและถูกพัฒนาและใช้ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ซึ่งในสมัยนั้นจากโครงสร้างวงโค้งมีจุดประสงค์เพื่อเป็นเสารับน้ำหนักของอาคาร แต่สำหรับโครงสร้างวงโค้งในรูปข้างต้นสร้างขึ้นเพื่อการตกแต่งและการใช้สอยอย่างอื่นแทน เช่น เจาะกำแพงเป็นรูปโค้ง เพื่อเป็นที่วางเทียน เพื่อเพิ่มบรรยากาศโรแมนติก ให้เข้ากับคอนเซปส์ของร้านข้างต้น ซึ่งเป็นร้านอาหารสไตล์อิตาเลียน
อาคารนี้เป็นเพียงอาคารที่อยู่อาศัยธรรมดา
แต่มีการใช้archโค้งเพื่อการตกแต่งเพื่อความสวยงามเช่นกัน
สถาปัตยกรรมของอาคารนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากยุคคริสเตียนสมัยเริ่มต้น ในส่วนของส่วนโค้งของปลายอาคารที่เรียกว่า aspe และ ตัวอาคารเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว ซึ่งคล้ายกับห้องโถงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เรียกว่า nave ของยุคนี้เช่นกัน
FUTURISM ศิลปกรรมตะวันตกสมัยใหม่ MODERN ART

ลัทธิฟิวเจอริสม์เริ่มเคลื่อนไหวในอิตาลี ดินแดนแห่งศิลปะชั้นสูงของโลกสมัยฟื้นฟู ซึ่งถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญ ท้าทายแบบอย่างศิลปะเดิม และให้อิทธิพลต่อแนวคิดสำหรับศิลปินสมัยใหม่ (Modern Art)มาก เริ่มด้วยศิลปินหนุ่มๆกลุ่มหนึ่ง มีทั้งจิตรกร นักเขียนและผู้ที่มีหัวหน้าร่วมกัน มีความคิดเห็นร่วมกัน แสดงความมุ่งหมาย และหลักการ 3 ข้อ คือ เผาพิพิธภัณฑ์ (Burn the Museum) ทดน้ำในคลองเวนิส (Drain thr Cannal of Venice) และทำลายแสงจันทร์ (Let shill the moonlight)นับเป็นวิธีการที่รุนแรงกับสังคมในลักธิการเมือง แบบ ฟาสลิสต์ ของมุสโสลินี
...........ลัทธิการเขียนแบบฟิวเจอริสม์ เป็นลักธิการเขียนแสดงถึงวิธีความเป็นอยู่ในปัจจุบัน ที่ไม่อยู่นิ่ง ลักษณะสิ่งแวดล้อมทางด้านวิทยาศาสตร์ เป็นความเร็ว แสงเสียง ศิลปินกลุ่มนี้จึงยึดถือ ความเจริญด้านวิทยาศาสตร์ ความเคลื่อนไหวของจักรกล และความเร็ว
.....1. เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความเจริญทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน
.....2. เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของวัตถุที่พวกฟิวเจอริสซึ่ม เลือกเขียนเป็นวัตถุที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการเคลื่อนไหวได้ เช่น วงล้อจักรยาน วงล้อรถยนต์ ทางเดินของแสงชนิดต่างๆ
.....3. เนื้อเรื่องเกี่ยวกับนคร เมือง
.....4. เนื้อเรื่องเกี่ยวกับคน
OP ART ศิลปกรรมสมัยPOST MODERN

ศิลปะออปอาร์ต เป็นศิลปะที่มุ่งถึง สายตา การมองเห็น เรื่องตาเป็นเรื่องสำคัญของศิลปะแบบนี้ การรับรู้ทางตาเป็นปัญหาที่พยายามค้นคว้ากันอยู่เสมอ นักจิตวิทยาบางคนพยายามที่จะทดลองหาข้อเท็จจริงว่า ตาหรือสมองกันแน่ ที่เป็นสื่อกระตุ้นประสาทการรับรู้ต่างๆของมนุษย์ โดยพยายามที่จะหาข้อมูลเพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างการเห็น การคิด ความรู้สึกและความจำ แต่ก็ไม่สามารถวิเคราะห์ออกจากกันได้ว่าอันไหนสำคัญกว่า...เมื่อยัง หาข้อสรุปไม่ได้ ว่าตาหรือสมองสำคัญกว่ากัน ศิลปินออปอาร์ตจึงเลือกเชื่อตามความคิดของตนว่า ตามีความสำคัญกว่า .......... ศิลปินที่พยายามแสดงความรู้สึกของตนอย่างเสรี จะยึดรูปทรงง่ายๆเป็นหลัก ยิ่งง่ายยิ่งเป็นสากล สียิ่งบริสุทธิ์ก็ยิ่งเป็นสากล สีที่บริสุทธิ์คือแม่สีเบื้องต้นที่ไม่ได้เกิดจากการผสมจากสีอื่น
........... ออปอาร์ตได้รับอิทธิพลจากกลุ่มฟิวเจอริสม์ ซึ่งย้ำเน้นถึงความเคลื่อนไหว ความเร็ว และวิทยาศาสตร์แขนงฟิสิกซ์เป็นอันมาก ออปอาร์ดจะเน้นความเคลื่อนไหวของรูปแบบให้เป็นจิตรกรรม โดยวิธีการซ้ำๆกันของส่วนประกอบทางศิลปะ เพื่อให้ผู้ดูตระหนักในความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบศิลปะที่สะท้อนภาพสังคม ปัจจุบัน แบบอย่างของออปอาร์ดนอกจากจะเป็นจิตรกรรมแล้ว ในวงการอุตสาหกรรมแบบอย่างของออปอาร์ตก็มีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันอยู่มาก ในรูปแบบของลายผ้า การตกแต่ง เวที การจัดร้านต่างๆเป็นต้น
ณ ร้านGERASOLE
กาดกลางเวียง
มีการใช้ภาพซ้ำ มาซ้อนทับกัน ทำให้ภาพแสดงถึงการเคลื่อนไหวเป็นวงกลม ลวงตา ให้ความบันเทิงใจ ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะในลัทธิfurturism ที่เน้นการเคลื่อนไหวรุนแรง และOp art ที่เน้นการลวงตาเพื่อการบันเทิงใช้สีสันสดใสในโทนร้อน เช่น สีส้ม สีแดง สีเหลือง เป็นต้น ทำให้ภาพดูมีพลัง คล้ายกับดวงอาทิตย์ เหมาะกับการใช้เสัญลักษณ์เพื่อเป็นเอกลักษณ์ให้กับสถานที่
ABSTRACTIONISM ART
ศิลปกรรมตะวันตกสมัยใหม่ MODERN ART
..........แอบสแตกอาร์ต หรือ มโนศิลปะ หรือ ศิลปะนามธรรม หมายถึง แบบอย่างของทัศนศิลป์ที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ แสดงความรู้สึกของมนุษย์ต่อธรรมชาติแวดล้อม ถ่ายทอดเป็นรูป ภาพ จะมีลักษณะเป็นสองมิติ หรือ สามมิติ ส่วนใหญ่จะไม่พรรณนาเรื่องราวตามความเป็นจริง ศิลปินอาจละทิ้งรูปทรงต่างๆ ด้วยการตัดทอนหรือตัดรูปทรงจนหมดสิ้น อาจสร้างรูปทรงขึ้นมาใหม่ตามความรู้สึกของตนเอง ด้วยการวางโครงสีใหม่ และเรื่องราวล้วนเป็นนามธรรม ซึ่งนับว่าเป็นหัวใหม่ของวงการศิลปกรรมเพราะการเขียนภาพเช่นนี้ ทำความเข้าใจยากกว่าศิลปะทุกแขนงที่เคยมีมา ผู้ริเริ่มคือ วาสสิลี่ แคนดินสกี้ ชาวรัสเซีย เขากล่าวว่า จิตรกรรมทุกชนิดความสำคัญของความรู้สึกอยู่ที่ สี และการจัดรูปทรง (Colour of Form)สำหรับการถ่ายทอดออกมาเป็นศิลปะนั้น แคนดินสกี้คำนึงถึงหลัก 2 ประการ คือ ความรู้สึกภายนอกและความรู้สึกภายใน (the inner and the outer) ความรู้สึกภายนอก คือ วัสดุรูปทรง และเมื่อรู้สึกต่อการเห็นรูปทรงดังกล่าวแล้ว ก็จะเกิดความรู้สึกภายในสำหรับคุณค่าของรูปทรงนั้น เป็นการสร้างความกลมกลืนขึ้นด้วยสีสัน การเคลื่อนไหว ลีลา จังหวะ ลักษณะผิว สัดส่วน และความเด่นชัดของภาพ
..........สุดยอดของงานที่ดูแล้วไม่รู้เรื่องที่สุดก็คืองานในแนวแอบสแตรกนี่เอง การแสดงออกของงานนามธรรมมีหลักกว้างๆอยู่สองแนวคือ
.....1. ตัดทอนสิ่งต่างๆที่ปรากฎอยู่ตามธรรมชาติ ให้มีรูปทรงที่ง่ายหรือเหลือแต่แก่นแท้
.....2. สร้างรูปทรงที่ไม่ต้องการเสนอเรื่องราวใดๆเป็นพื้นฐาน อย่างเช่น รูปทรงเรขาคณิต มาใช้ในการสร้างงาน
ศิลปกรรมตะวันตกสมัยใหม่ MODERN ART
..........แอบสแตกอาร์ต หรือ มโนศิลปะ หรือ ศิลปะนามธรรม หมายถึง แบบอย่างของทัศนศิลป์ที่เกี่ยวข้องกับจิตใจ แสดงความรู้สึกของมนุษย์ต่อธรรมชาติแวดล้อม ถ่ายทอดเป็นรูป ภาพ จะมีลักษณะเป็นสองมิติ หรือ สามมิติ ส่วนใหญ่จะไม่พรรณนาเรื่องราวตามความเป็นจริง ศิลปินอาจละทิ้งรูปทรงต่างๆ ด้วยการตัดทอนหรือตัดรูปทรงจนหมดสิ้น อาจสร้างรูปทรงขึ้นมาใหม่ตามความรู้สึกของตนเอง ด้วยการวางโครงสีใหม่ และเรื่องราวล้วนเป็นนามธรรม ซึ่งนับว่าเป็นหัวใหม่ของวงการศิลปกรรมเพราะการเขียนภาพเช่นนี้ ทำความเข้าใจยากกว่าศิลปะทุกแขนงที่เคยมีมา ผู้ริเริ่มคือ วาสสิลี่ แคนดินสกี้ ชาวรัสเซีย เขากล่าวว่า จิตรกรรมทุกชนิดความสำคัญของความรู้สึกอยู่ที่ สี และการจัดรูปทรง (Colour of Form)สำหรับการถ่ายทอดออกมาเป็นศิลปะนั้น แคนดินสกี้คำนึงถึงหลัก 2 ประการ คือ ความรู้สึกภายนอกและความรู้สึกภายใน (the inner and the outer) ความรู้สึกภายนอก คือ วัสดุรูปทรง และเมื่อรู้สึกต่อการเห็นรูปทรงดังกล่าวแล้ว ก็จะเกิดความรู้สึกภายในสำหรับคุณค่าของรูปทรงนั้น เป็นการสร้างความกลมกลืนขึ้นด้วยสีสัน การเคลื่อนไหว ลีลา จังหวะ ลักษณะผิว สัดส่วน และความเด่นชัดของภาพ
..........สุดยอดของงานที่ดูแล้วไม่รู้เรื่องที่สุดก็คืองานในแนวแอบสแตรกนี่เอง การแสดงออกของงานนามธรรมมีหลักกว้างๆอยู่สองแนวคือ
.....1. ตัดทอนสิ่งต่างๆที่ปรากฎอยู่ตามธรรมชาติ ให้มีรูปทรงที่ง่ายหรือเหลือแต่แก่นแท้
.....2. สร้างรูปทรงที่ไม่ต้องการเสนอเรื่องราวใดๆเป็นพื้นฐาน อย่างเช่น รูปทรงเรขาคณิต มาใช้ในการสร้างงาน
ร้าน The bargin booze
สีแดงของฉากหลัง ทำให้เกิดการสะดุดตากับผลงาน รวมทั้งการใช้เส้นที่รุนแรง กระจายเป็นวงกลมออกจากจุดๆหนึ่ง เป็นการต้องการบ่งบอกถึงอารมณ์ ความรู้สึกของศิลปิน โดยไม่ได้ต้องการจะสื่อเรื่องราวใดๆ ผลงานชิ้นนี้ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะลัทธินามธรรม(Abstractionism Art)

ณ ร้านEURO DINER&BAR
ผลงานมีการได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะประเภท LIGHT ART โดยการนำหลอดไฟมาดัดแปลงในรูปแบบต่างอาจจะเป็นรูปภาพหรือข้อความที่ต้องการ ที่สื่อออกมาแล้วเข้าใจได้ง่าย เช่น รูปแก้วไวน์ บ่งบอกถึงประเภทของร้านนั้นๆ งานประเภทนี้ทำให้เหมาะกับการนำไปใช้ในตอนกลางคืน เช่นกับร้านอาหารกึ่
บาร์ประเภทนี้ และ แสงไฟสีสดใสทำให้บรรยากาศในร้านดูคึกคัก สนุกสนาน การนำศิลปะประเภทLIGHT ART มาทำเป็นป้ายชื่อหน้าร้านแพร่หลายมากในปัจจุบัน
นิยมทุกชนิดของอารยธรรมตะวันตก
ให้สิ้นซาก เพื่อ ขจัดปัจจัยที่จะทำให้เกิดสงครามได้อีก
ในแนวคิดผสมผสานความคิด จริง-ไม่จริง,มีเหตุผล-ไม่มีเหตุผล
,มีความรู้-ไม่มีความรู้,ประโยชน์-ไม่มีประโยชน์
"ทฤษฎีอันฉับพลันของความเข้าใจอันไร้เหตุผล"
ผลงานนี้ได้รับอิทธิพลมาจาก Sur realism art โดยการเน้นผสานความคิดที่ตรงข้าม เช่น การมีอยู่จริง-การไม่มีอยู่จริง ซึ่งสำหรับผลงานนี้ ควายเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง แต่เรื่องราวของผลงานคือ การที่ควายอยู่ในกรง ไม่ได้มีอยู่ตามความจริงตามธรรมชาติ ทำให้เกิดการตั้งคำถามของผู้ชม ดังเช่นในผลงานในรูปแบบCONCEPTUAL ART
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น